post-thumbnail-ดูดไขมันเครื่องไหนดี

รู้ยัง ! เครื่องดูดไขมัน แบบไหนเหมาะกับเรา?

นับได้ว่าเป็นเรื่องโชคดีมาก สำหรับคนที่อยากดูดไขมันในยุคนี้ ! เพราะปัจุจุบันเครื่องดูดไขมันมีหลายเทคโนโลยีจนนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยมากขึ้น เจ็บน้อยลง ดูดไขมันออกมาได้เยอะขึ้นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยใหม่ล่าสุดที่ต่างคิดค้นและนำมาใส่ในเครื่องดูดไขมันเพื่อตอบโจทย์คนที่อยากลดสัดส่วนโดยเฉพาะแบบไม่หยุดหย่อน และในแต่ละคนยังมีความเหมาะสมในแต่ละเครื่องแตกต่างกันไป ทำให้คนไข้มีทางเลือกในการดูดไขมันมากขึ้นนั่นเอง

รวม 7 เทคโนโลยีเครื่องดูดไขมัน แบบไหนเหมาะกับปัญหาของเรามากที่สุด 

Suction Assisted Liposuction (SAL)

เป็นการดูดไขมันด้วยท่อธรรมดา ถือเป็นการดูดไขมันด้วยวิธีแบบดั้งเดิมยุคแรก ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะแพทย์จะทำการสอดท่อเข้าไปหลังจากฉีด Tumescent และใช้เครื่องที่มีแรงดันสุญญากาศ หรือเครื่องที่เป็นพลังงานมีค่าแรงดันในการดูดคงทีมาช่วยในการดูดไขมันออกไป ซึ่งเทคนิคนี้จะแตกต่างกับวิธีสมัยก่อนมากที่แพทย์ต้องออกแรงเพื่อพยายามนำไขมันออกมาด้วยตัวเอง โดยวิธีนี้เหมาะกับการดูดไขมันบริเวณเล็ก ๆ เช่น ใบหน้า แขน น่อง และมีจุดเด่น คือ ค่าพลังงานในการดูดไขมันออกมานั้นมีความคงที แต่ปริมาณการดูดไขมันออกมานั้นยังมีข้อจำกัดไม่สามารถดูดออกมาได้ในจำนวนเยอะ

Ultrasonic Assisted Liposuction

เป็นการดูดไขมันด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูงมากจนเซลล์ไขมันแตกตัวกลายเป็นน้ำทำให้สามารถดูดไขมันออกมาได้ง่ายกว่าเดิม รวมถึงผลข้างเคียงจากการถูกทำลายของเส้นประสาทและการเสียเลือดนั้นมีน้อยมาก แต่ถ้าหากไม่ได้เข้ารับการดูดไขมันด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้มากไม่ว่าจะเป็นผิวไหม้ ผิวเป็นคลื่น ผิวเปลือกส้ม เป็นต้น โดยเทคโนโลยีนี้มักรู้จักกันในชื่อเครื่อง Ultra Z และ Vaser Smooth 2.2 ซึ่งมีจุดเด่น คือ สามารถดูดไขมันได้ทุกส่วนของร่างกาย มีความเจ็บน้อยกว่าเทคนิค SAL และดูดไขมันออกมาได้ปริมาณมากโดยใช้เวลาในการดูดไม่นาน ช่วยให้ผิวกระชับเข้าที่เร็วขึ้น เหมาะสำหรับคนไข้ที่เคยดูดไขมันมาแล้วและมีพังผืดใต้ชั้นผิวเยอะ แต่การดูดไขมันด้วยเทคโนโลยีประเภทนี้จะไม่สามารถนำไขมันไปเติมส่วนอื่นต่อได้อีก 

จุดเด่น Vaser Smooth 2.2 เครื่องดูดไขมันคลื่นเสียงอัลตราซาวด์

  1. เหมาะกับคนไข้ที่มีชั้นไขมันใต้ผิวที่หนา หรือสาวไซส์ใหญ่
  2. เหมาะกับคนไข้ที่เคยผ่านการดูดไขมันมาก่อน และมีพังผืดเยอะ
  3. ดูดไขมัน สลายไขมันได้ในปริมาณเยอะ ๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น
  4. ช้ำน้อย เจ็บน้อย ผลข้างเคียงน้อยกว่าการดูดไขมันเทคนิค SAL
  5. เซลลูไลท์ลดลง เห็นสัดส่วนชัดเจนหลังทำทันที

Ultra Z เครื่องดูดไขมันคลื่นเสียงตัวดังจากประเทศเกาหลี

  1. เหมาะกับคนไข้ที่มีชั้นไขมันใต้ผิวที่บาง
  2. เหมาะกับคนไข้ที่เป็นสาวไซส์มินิ หรือคนตัวเล็กไซส์ S-M
  3. เหมาะกับคนที่ไม่เคยดูดไขมันมาก่อน
  4. สามารดูดได้ทุกบริเวณและทุกส่วนของร่างกาย
  5. แผลเล็ก ซ่อนแผลเนียน ดูดไขมันออกมาได้เยอะและใช้เวลาในการดูดไขมันน้อย

Water Assisted Liposuction

Water Assisted Liposuction หรือชื่อเครื่องในทางการค้าที่เรารู้จัก คือ BODY-JET เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เทคนิคแรงดันน้ำระดับสูงในการแยกเซลล์ไขมัน ทำให้ความเสี่ยงของเส้นประสาท และเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ นั้นเกิดการเสียหายได้น้อยมากส่งผลให้หลังดูดไขมันอาการช้ำเขียวและการเสียเลือดลดลงตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถพิเศษในการใช้น้ำแยกเซลล์ไขมันทำให้ไขมันมีชีวิตมากกว่า มีเลือดปนน้อยกว่าเทคโนโลยี Ultrasonic Assisted Liposuction ทำให้สามารถนำไขมันไปแต่งเติมส่วนอื่นเพิ่มได้และโอกาสที่ไขมันจะติดมีสูงตามไปด้วย

จุดเด่น BODY-JET เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ

  1. ไขมันที่ดูดด้วยเครื่อง Body-Jet เป็นไขมันคุณภาพดีสามารถนำไปแต่งเติมส่วนอื่นต่อได้ เช่น หน้าอก, ใบหน้า, ก้น เป็นต้น
  2. เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย ย่นระยะเวลาในการพักฟื้นร่างกาย
  3. อุปกรณ์บางส่วนใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งไม่นำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ลดโอกาสการปนเปื้อนไขมันของคนไข้ในแต่ละคน เพราะบางท่านต้องนำไขมันไปเติมส่วนอื่นต่อนั่นเอง

Power Assisted Liposuction 

นวัตกรรมเครื่องดูดไขมันเทคนิค PAL ได้พัฒนามาจากยุคสมัยแรกเพื่อทดแทนการออกแรงดูดไขมันของแพทย์ โดยมีหลักการ คือ ปลายท่อที่สอดเข้าไปเกิดการสั่นขณะดูดไขมันจนเซลล์ไขมันเกิดการแตกตัว เปรียบเสมือนเป็นการทุ่นแรงแพทย์ในการดูดไขมัน อีกทั้งโอกาสการเกิดผิวเป็นคลื่นหลังทำมีน้อยกว่าวิธี Ultrasonic Assisted Liposuction แต่มีข้อเสียในด้านการสลายไขมันไม่สามารถทำได้ทั่วถึงทุกบริเวณ และความสามารถในการแยกเซลล์ไขมันก็มีน้อย ซึ่งเครื่องดูดไขมันแบบพาวเวอร์ที่เรารู้จักกัน คือ MicroAire PAL 

Laser Assisted Liposuction

เป็นการใช้เลเซอร์ในการแยกเซลล์ไขมันให้แตกตัวไปยังบริเวณที่ต้องการขจัดไขมัน แต่ด้วยความร้อนของเลเซอร์อาจมีไม่มากพอทำให้ความสามารถในการแยกเซลล์ไขมันนั้นออกมาได้น้อย หรือดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณน้อยนั่นเอง ส่วนมากนิยมใช้ในตำแหน่งที่มีไขมันน้อย เช่น สาวไซส์มินิที่มีไขมันส่วนบริเวณตำแหน่งที่ไม่สามารถลดได้แล้ว ก็อาจใช้เทคนิคการสลายไขมันด้วยเลเซอร์ได้ โดยนวัตกรรมดูดไขมันด้วยเลเซอร์ที่นิยมใช้กันได้แก่ Accusculpt Laser และ Smartlipo

Ratio Frequency Liposuction

เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุที่เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนในระดับ 45 องศา – 60 องศา ซึ่งระดับความร้อนประมาณนี้สามารถสลายไขมันออกไปได้ แต่ไม่เยอะเทียบเท่า Ultrasonic Assisted Liposuction และ Water Assisted Liposuction นอกเหนือจากการสลายไขมันแล้วความร้อนยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำให้ผิวยกกระชับ เรียบเนียน เตรียมบอกลาผิวเป็นคลื่นหลังดูดไขมันได้ด้วยเทคนิคนี้เลย ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อเครื่องดูดไขมัน BodyTite นวัตกรรมเดียวที่สลายไขมันไปพร้อม ๆ กับการยกกระชับผิวภายในตัว

จุดเด่น BodyTite เครื่องพลังงานคลื่นวิทยุ 2 in 1 สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว

  1. สลายไขมันพร้อมยกกระชับภายในขั้นตอนเดียว
  2. ลดโอกาสการเกิดผิวเป็นคลื่น ผิวเปลือกส้ม ผิวไม่สม่ำเสมอหลังจากการดูดไขมัน
  3. สามารถสลายไขมันในบริเวณที่เข้าถึงยากได้ดี
  4. เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมไม่เยอะมาก
  5. มีหัวเปลี่ยนในการสลายไขมันโดยเฉพาะสำหรับบริเวณใบหน้าและร่างกาย

Plasma Assisted Liposuction

เป็นการปล่อยพลังงานความร้อน Plasma ในระดับ 85 องศา ถือเป็นเทคโนโลยีที่กำเนิดความร้อนได้มากที่สุดในปัจจุบัน โดยเน้นกระชับผิวมากกว่าการสลายไขมัน เพราะขั้นตอนการดูดไขมันด้วยวิธี Plasma Assisted Liposuction จะใช้ขั้นตอนการดูดไขมันด้วยการเครื่องมือชนิดต่าง ๆ ก่อนแล้วค่อยใช้เครื่อง Plasma ในการยกกระชับผิวภายหลัง หรือเรียกอีกอย่างได้ว่าเป็นวิธีการดูดไขมันแบบผสมผสานหลายเทคนิคเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในด้านการสลายไขมันและยกกระชับผิวอย่างดีที่สุด ตัวอย่างเครื่อง Plasma ยอดนิยมในไทย เช่น J Plasma